ประวัติ
จุดกำเนิดของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา (1899–1922)
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1899 ฮันส์ กัมเปร์
ได้ลงประกาศโฆษณาใน โลสเดปอร์เตส ว่ามีความต้องการที่จะก่อตั้งสโมสรฟุตบอล
โดยได้รับการตอบรับอย่างดีในการนัดพบกันที่คิมนาเซียวโซเล เมื่อวันที่ 29
พฤศจิกายน โดยมีผู้เล่น 11 คนมาร่วมได้แก่ วอลเตอร์ ไวลด์
(ผู้บริหารคนแรกของสโมสร), ลุยส์
ดีออสโซ,
บาร์โตเมว เตร์ราดัส, ออตโต กุนเซิล, ออตโต
แมเยอร์,
เอนริก ดูกัล, เปเร
กาบอต,
กาเลส ปูคอล, ชูเซป
โยเบต,
จอห์น พาร์สันส์ และ วิลเลียม พาร์สัน ทำให้
ฟุตบอลคลับบาร์เซโลนา ก็ถือกำเนิดขึ้นมา
สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาประสบความสำเร็จในช่วงแรกกับการแข่งขันถ้วยท้องถิ่นและระดับชาติ
ได้ลงแข่งในกัมเปียวนัตเดกาตาลุนยาและถ้วยโกปาเดลเรย์ ในปี ค.ศ. 1902
สโมสรชนะถ้วยแรกในถ้วยโกปามากายา และร่วมลงแข่งในโกปาเดลเรย์ครั้งแรก แต่แพ้ 1–2 ให้กับบิซกายา ในนัดชิงชนะเลิศ[5]
กัมเปร์ได้เป็นประธานสโมสรในปี ค.ศ. 1908 แต่สโมสรมีปัญหาด้านการเงินเนื่องจากไม่สามารถชนะการแข่งขันได้ตั้งแต่กัมเปียนัตเดกาตาลัน
ในปี ค.ศ. 1905 เขาเป็นประธานสโมสรใน 5 วาระในระหว่างปี ค.ศ. 1908 ถึง 1925 รวม 25
ปี ที่เขาดำรงตำแหน่งประธานสโมสร
หนึ่งในความสำเร็จคือการทำให้สโมสรมีสนามกีฬาของตัวเอง ทำให้มีรายได้ที่มั่นคง
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1909
สโมสรได้ย้ายไปสนามกัมเดลาอินดุสเตรีย ที่มีที่นั่งจุ 8,000 คน จากปี ค.ศ. 1910
ถึง 1914 บาร์เซโลนาได้ร่วมลงแข่งในถ้วยพิเรนีส ที่ประกอบด้วยทีมที่ดีที่สุดของ
ล็องด็อก,
มีดี,อากีแตน
(ฝรั่งเศสใต้), บาสก์ และ คาเทโลเนีย
ในเวลานั้นถือเป็นการแข่งขันที่ดีที่สุดที่เปิดให้เข้าแข่งขัน[7][8]
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น
สโมสรได้เปลี่ยนภาษาอย่างเป็นทางการของสโมสรจากภาษาคาสติเลียนสเปน(Castilian
Spanish) เป็นภาษาคาตาลัน และค่อย ๆ
เพิ่มความสำคัญให้กับสัญลักษณ์ที่สำคัญของอัตลักษณ์คาตาลัน เพื่อให้แฟนที่สนับสนุนสโมสรแต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรระหว่างการแข่งขันและเพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของอัตลักษณ์กลุ่มของสโมสร
กัมเปร์ได้รณรงค์หาสมาชิกสโมสรเพิ่ม และในปี ค.ศ.
1922 สโมสรมีสมาชิกมากกว่า 20,000
คนและมีฐานะการเงินเพียงพอที่จะสร้างสนามกีฬาแห่งใหม่ สโมสรได้ย้ายไปเลสกอตส์ โดยเปิดสนามใหม่ในปีเดียวกันนี้[10]
เดิมทีเลสกอตส์จุผู้ชมได้ 22,000
คน และต่อมาขยายเพิ่มเป็น 60,000
คน[11] แจ็ก กรีนเวลล์
เป็นผู้จัดการเต็มเวลาคนแรกของสโมสรและสโมสรได้เริ่มต้นพัฒนา
ในช่วงระหว่างยุคของกัมเปร์ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาชนะถ้วยกัมเปียนัตเดกาตาลัน 11
ครั้ง ถ้วยโกปาเดลเรย์ 6 ครั้ง และถ้วยพิเรนีส 4 ครั้ง
ถือเป็นยุคทองยุคแรกของสโมสร
เกียรติประวัติ
สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลสเปน
ในแง่ของจำนวนถ้วยรางวัลภายในประเทศและทุกถ้วย[120] โดยชนะในการแข่งลาลีกา 21
ครั้ง ชนะในโกปาเดลเรย์ 25 ครั้ง ชนะในซูเปร์โกปาเดเอสปาญา 10 ครั้ง
ชนะในโกปาเอบาดัวร์เต 3 ครั้ง[121] และได้รางวัล โกปาเดลาลีกา 2
ถ้วยและยังเป็นผู้ถือครองทั้ง 4 ถ้วยในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุโรป
โดยได้ชนะเลิศในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 4 ครั้ง, ชนะในยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ
4 ครั้ง ชนะในยูฟ่าซูเปอร์คัพ 4 ครั้ง และชนะฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ 1 ครั้ง[122]
พวกเขายังถือสถิติชนะในอินเตอร์-ซิตีส์แฟร์สคัป 3 ครั้ง
ถ้วยต้นแบบของยูฟ่าคัพ[123]
นอกจากนั้นยังเป็นสโมสรยุโรปสโมสรเดียวที่แข่งในฟุตบอลระหว่างทวีปในทุกฤดูกาลตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1955 และเป็น 1 ใน 3 สโมสรที่ไม่เคยตกชั้นในลาลีกา
ร่วมกับทีมแอทเลติกบิลบาโอและเรอัลมาดริด ในปี ค.ศ. 2009
เป็นสโมสรสเปนสโมสรแรกที่ได้ถือครองแชมป์ 3 รางวัล คือ ลาลีกา,
โกปาเดลเรย์ และแชมเปียนส์ลีก
และในปีเดียวกันนี้ยังเป็นสโมสรฟุตบอลสโมสรแรกที่ชนะในการแข่งขัน 6
รางวัลในปีเดียวกัน เพิ่มอีก 3 ถ้วยคือ ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา,
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ และ ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ
การแข่งขันภายในประเทศ
ลีก
ลาลีกา[124]
ชนะเลิศ (21): 1928–1929, 1944–45, 1947–48, 1948–49, 1951–52, 1952–53, 1958–59, 1959–60, 1973–74, 1984–85, 1990–91, 1991–92, 1992–93, 1993–94, 1997–98, 1998–99, 2004–05, 2005–06, 2008–09, 2009–10, 2010–11
รองชนะเลิศ (23): 1929–30, 1945–46, 1953–54, 1954–55, 1955–56, 1961–62, 1963–64, 1966–67, 1967–68, 1970–71, 1972–73, 1975–76, 1976–77, 1977–78, 1981–82, 1985–86, 1986–87, 1988–89, 1996–97, 1999–00, 2003–04, 2006–07, 2011–12
ถ้วย
โกปาเดลเรย์[125]
ชนะเลิศ (26): 1909–10, 1911–12, 1912–13, 1918–19, 1921–22, 1924–25, 1925–26, 1927–28, 1941–42, 1950–51, 1951–52, 1952–53, 1956–57, 1958–59, 1962–63, 1967–68, 1970–71, 1977–78, 1980–81, 1982–83, 1987–88, 1989–90, 1996–97, 1997–98, 2008–09, 2010–11
รองชนะเลิศ (10): 1901–02, 1918–19, 1931–32, 1935–36, 1953–54, 1973–74, 1983–84, 1985–86, 1995–96, 2010–11
โกปาเดลาลีกา[126]
ชนะเลิศ (2): 1982–83, 1985–86
ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา[127]
ชนะเลิศ (10): 1983,
1991, 1992,
1994, 1996,
2005, 2006,
2009, 2010,
2011
รองชนะเลิศ (7): 1985,
1988, 1990,
1993, 1997,
1998, 1999
โกปาเอบาดัวร์เต (ต้นแบบของ
ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา)[128]
ชนะเลิศ (3): 1947,
1952, 1952[129]
รองชนะเลิศ (2): 1949,
1951
ยุโรป
ถ้วยยุโรป /
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก[130]
ชนะเลิศ (4): 1991–92, 2005–06, 2008–09, 2010–11
รองชนะเลิศ (3): 1960–61, 1985–86, 1993–94
ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ /
ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ[131]
ชนะเลิศ (4): 1978–79, 1981–82, 1988–89, 1996–97
รองชนะเลิศ (2): 1968–69, 1990–91
อินเตอร์-ซิตีแฟร์สคัพ (ต้บแบบของ
ยูฟ่ายูโรปาลีก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จัดโดยยูฟ่า)
ชนะเลิศ (3): 1955–58, 1958–60, 1965–66
รองชนะเลิศ (1): 1961–62
ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ /
ยูฟ่าซูเปอร์คัพ[132]
ชนะเลิศ (4): 1992,
1997, 2009,
2011
รองชนะเลิศ (4): 1979,
1982, 1989,
2006
ระดับโลก
ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรยุโรปและอเมริกาใต้
รองชนะเลิศ (1): 1992
ฟีฟ่าคลับเวิลด์คัพ[133]
ชนะเลิศ (2): 2009,
2011
รองชนะเลิศ (1): 2006
ผู้เล่นชุดปัจจุบัน
สโมสรในสเปนจำกัดให้มีผู้เล่นที่ไม่ได้มีสัญชาติยุโรปได้ไม่เกิน
3 คน ไม่รวมประเทศในกลุ่มประเทศในกลุ่มแอฟริกัน แคริบเบียน และแปซิฟิก
ที่ลงนามในสัญญาข้อตกลงโกโตนู เนื่องจากขัดต่อกฎคอลปัก (Kolpak
ruling) รายชื่อผู้เล่นที่แสดงเป็นสัญชาติดั้งเดิมของแต่ละคน
แต่นักฟุตบอลที่ไม่ได้มีสัญชาติยุโรปมักจะถือ 2 สัญชาติในประเทศเครือสหภาพยุโรป
ข้อมูลวันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ.
2011[134][135] Note: ธงชาติที่ปรากฏบ่งบอกให้ทราบว่าผู้เล่นคนนั้นสามารถเล่นให้กับชาติใดตามกฎของฟีฟ่า
ตามความเหมาะสม เพราะบางผู้เล่นอาจถือสองสัญชาติ
No. ตำแหน่ง ผู้เล่น
1 GK บิกตอร์ บัลเดส (รองกัปตันทีมที่ 2)
2 DF ดาเนียล อัลวีส
3 DF เชราร์ด ปีเก
4 MF เซสก์ ฟาเบรกัส
5 DF การ์เลส ปูยอล (กัปตันทีม)
6 MF ชาบี เอร์นันเดซ (รองกัปตันทีม)
7 FW ดาบิด บียา
8 MF อันเดรส อีเนียสตา (รองกัปตันทีมที่ 3)
9 FW อาเลกซิส ซานเชซ
10 FW เลียวเนล เมสซี
11 MF เตียโก อัลกันตารา
12 MF โชนาตัน โดซ ซังโตส
13 GK โคเซ มานวยล์ ปินโต
14 MF คาเบียร์ มาเชราโน
15 DF มาร์ก บาร์ตรา
16 MF เซร์คีโอ บุสเกตส์
17 FW เปโดร โรดรีเกซ
18 DF ชอร์ดี อัลบา
19 DF มาร์ติง มองโตยา
20 MF อิบราฮิม อเฟลไลย์
21 DF อาเดรียนู กอร์เรยา
22 DF เอริก อาบีดาล
23 FW อีซัก เกวงกา
24 DF อันเดรว ฟุนตัส
25 MF อเล็กซานเดอร์ ซง
— DF มาร์ก
มูเนียวซา
ซุปเปอร์สตาร์ของทีม
เลียวเนล อันเดรส
"เลโอ เมสซี
เกิดเมื่อวันที่
24 มิถุนายน ค.ศ. 1987 เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา
ปัจจุบันเล่นอยู่ในสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาและฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา
ในตำแหน่งกองหน้าหรือปีก เขายังถือสัญชาติสเปนอีกด้วย
ซึ่งทำให้เขาถือว่าเป็นนักฟุตบอลยุโรป
เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในรุ่นของเขา[4][5][6]
และมักถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้เล่นร่วมสมัยที่ดีที่สุดในโลก
เมสซีได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีเมื่อเขาอายุ
21 ปี และได้รับรางวัลในปี ค.ศ. 2009
(นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี
ค.ศ. 2009)[7][8][9][10] และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2010[11]
และ 2011 สไตล์การเล่นของเขาและความสามารถ มักถูกเปรียบเทียบเสมอเดียโก มาราโดนา
ซึ่งพูดถึงเมสซีว่าเป็นผู้สืบทอดจากเขา
เมสซีเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยและบาร์เซโลนาก็ค้นพบแนวโน้มที่ดีของเขาอย่างรวดเร็ว
เขาออกจากทีมเยาวชนสโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซารีโอ เมื่อปี ค.ศ. 2000
และย้ายพร้อมครอบครัวไปอยู่ยุโรป
โดยบาร์เซโลนาเสนอในการรักษาภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตให้กับเมสซี
เขาเปิดตัวครั้งแรกในฤดูกาล 2004–05
โดยทำลายสถิติทีม โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีก
เกียรติประวัติในฤดูกาลแรกของเขาคือชนะการแข่งขันในลาลีกา และชนะครั้งที่ 2 ในลีก
รวมถึงในแชมเปียนส์ลีก ในปี ค.ศ. 2006 ฤดูกาลแจ้งเกิดของเขาคือฤดูกาล 2006–07 เขาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว
โดยทำแฮตทริกในเอลกลาซีโก จบฤดูกาลยิงประตู 14 ประตู ใน 26 เกมในลีก
จากนั้นเมสซีก็ประสบความสำเร็จที่สุดในอาชีพของเขาในฤดูกาล 2008–09 ยิงประตู 38 ประตู เป็นส่วนสำคัญของทีมในการชนะ 3
รายการในฤดูกาลเดียว แต่แล้วสถิตินี้ก็ถูกบดบังไปในฤดูกาลถัดมา ฤดูกาล 2009–10 ที่เมสซียิงประตูไป 47 ประตูในทุกการแข่งขัน
เทียบเท่าสถิติของโรนัลโดที่เคยทำให้กับบาร์เซโลนา แต่เขาก็ทำลายสถิตินี้ในฤดูกาล
2010–11 กับประตู 53 ประตูในทุกการแข่งขัน
เมสซีเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะเลิศในลาลีกา
5 ครั้ง แชมเปียนส์ลีก 3 ครั้ง ยิงประตูได้ 2 ประตูในนัดตัดสิน
ในนัดแข่งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งในปี ค.ศ. 2009 และ 2011
เขาไม่ได้ลงสนามในนัดที่บาร์เซโลนาชนะอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2006
แต่ก็ได้รับเหรียญทองในฐานะผู้ชนะในการแข่งขัน หลังจากยิง 12
ประตูในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2010–11
ทำให้เมสซีเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูได้สูงสุดอันดับ 3 รองจากเกิร์ด
มึลเลอร์และฌ็อง-ปีแยร์ ปาแป็ง
อย่างไรก็ตามเมสซีเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในแชมเปียนส์ลีก 3
ปีติดต่อกัน หลังจากที่แชมเปียนส์ลีกเปลี่ยนระบบการแข่งขันในปี ค.ศ. 1992[14]
เมสซีเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในการแข่งขันยูทแชมเปียนชิป
2005 กับ 6 ประตู รวมถึง 2 ประตูในนัดตัดสิน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมชุดใหญ่ฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา
และในปี ค.ศ. 2006
เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นในฟุตบอลโลก
และได้ตำแหน่งรองชนะเลิศไปในโคปาอเมริกาในปี ถัดมา และในปี ค.ศ. 2008
ที่ปักกิ่งเขาได้รับเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน
ในนามของฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินา
อันเดรส อีเนียสตา ลูคัน (สเปน: Andrés
Iniesta Luján) เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ.
1984 เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน เป็นกองกลางของทีมชาติสเปนในชุดชนะการแข่งขันฟุตบอลโลก
2010 ปัจจุบันเขาเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา
ภายหลังจากการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนลีก 2009 เวย์น รูนีย์ออกมากล่าวว่า
เขาเชื่อว่าอีเนียสตาเป็นผู้เล่นตำแหน่งกองกลางที่ดีที่สุดในโลก[1]
เขายังติดสัญญากับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาจนถึงปี 2010
ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010
นัดชิงชนะเลิศ เขาทำประตูให้กับฟุตบอลทีมชาติสเปน ในนาทีที่ 116
ในการแข่งขันกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ นับเป็นประตูสุดท้ายในฟุตบอลโลกครั้งนี้
และทำให้เขาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งนัด (Man of the Match) ของเกมนี้อีกด้วย
ชาเบียร์ เอร์นันเดซ อี เกรอุส
(คาตาลัน: Xavier Hernández i Creus) หรือที่รู้จักกันในชื่อ
ชาบี (Xavi)
เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 1980
เป็นนักฟุตบอลชาวสเปน ปัจจุบันเล่นตำแหน่งกองกลางตัวกลางให้สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาในลาลีกา
ชาบีได้รับตำแหน่งผู้เล่นแห่งเกมในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2009
โดยพาทีมบาร์เซโลนาชนะสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจนเป็นแชมป์
และยูฟายังประกาศให้ชาบีเป็นผู้เล่นแห่งทัวร์นาเมนต์ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป
2008[2] อีกด้วย ชาบีเข้าแข่งขันฟุตบอลทีมชาติสเปน 93 นัด
และถือเป็นกองกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ยังเล่นอยู่